Smart Home

บ้านอัจฉริยะ

Total Solution Smart Home

ด้วยวิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปสู่ Smart Life มีการพัฒนาเทคโนโลยีและระบบปฏิบัติการอัตโนมัติต่าง ๆ เข้ามาเป็นองค์ประกอบในบ้านพักอาศัย ทำให้เกิดเป็น Smart Home เพื่อให้ผู้คนมีการใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย ปลอดภัย ตลอดจนคำนึงถึงการประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ระบบต่าง ๆ สามารถทำงานได้อย่างเสถียรภาพ จำเป็นต้องมีการออกแบบติดตั้งระบบป้องกันฟ้าผ่าทั้งภายนอกและภายในที่ดีเพื่อป้องกันความเสียหายทางกายภาพต่ออาคารและป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ จากผลกระทบของอิมพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าจากฟ้าผ่า (LEMP) รวมถึงอันตรายจากแรงดันเกินอันเนื่องมาจากฟ้าผ่าที่เข้ามาในระบบ

การออกแบบตัวนำล่อฟ้าและการป้องกันแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาด้วยสายตัวนำชนิดกลมตัน

  • บ้านพักอาศัยส่วนใหญ่ล้วนถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม การออกแบบติดตั้งระบบตัวนำล่อฟ้าจึงควรสอดคล้อง กลมกลืนไปกับสิ่งปลูกสร้าง
  • การเลือกใช้ตัวนำล่อฟ้าสำหรับบ้านพักอาศัย ควรใช้เป็นตัวนำชนิด กลมตัน เนื่องจากตัวนำประเภทนี้สามารถดัดรูปทรงได้หลายทิศทาง เหมาะกับหลังคาที่มีรูปร่างซับซ้อน และสามารถใช้เป็นตัวรับฟ้าผ่าแทนการติดตั้งแท่ง Air Terminal ปกติได้ โดยแนะนำให้ใช้เป็นวัสดุทองแดงชุบดีบุกที่มีความมันวาวสวยงามและไม่ทำให้เกิดคราบสนิมเขียว หรือหากเลือกใช้สายตัวนำชนิดอื่นต้องคำนึงถึงความสวยงามและเป็นไปตามมาตรฐาน
  • บ้านพักอาศัยที่มีระบบป้องกันฟ้าผ่าติดตั้งอยู่และมีการติดตั้งแผงโซลาร์หรือแผง PV Module เพิ่มเติมบนหลังคาเพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ การป้องกันฟ้าผ่าแผง PV Module ทำได้ดังนี้
  1. จัดวางให้แผง PV Module อยู่ภายใต้พื้นที่ป้องกันของระบบตัวนำล่อฟ้า
  • ระยะห่างระหว่างส่วนโลหะของแผงกับระบบตัวนำล่อฟ้า > ระยะแยก (S) ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม
  • ระยะห่างระหว่างส่วนโลหะของแผงกับระบบตัวนำล่อฟ้า < ระยะแยก (S) ต้องประสานศักย์ส่วนโลหะของแผงเข้ากับระบบตัวนำล่อฟ้าด้วยสายทองแดงขนาดพื้นที่หน้าตัด 16 ตร.มม. หรืออลูมิเนียมขนาดพื้นที่หน้าตัด 25 ตร.มม.
  1. แผง PV Module อยู่นอกพื้นที่ป้องกันของระบบตัวนำล่อฟ้าแต่ยอมให้ใช้ส่วนโลหะของแผงเป็นองค์ประกอบของระบบตัวนำล่อฟ้าได้ (มีความเสี่ยงแผงเสียหาย ที่ยอมรับได้)
  • ประสานศักย์ส่วนโลหะของแผงเข้ากับระบบตัวนำล่อฟ้าด้วยสายทองแดงขนาดพื้นที่หน้าตัด 16 ตร.มม. หรืออลูมิเนียมขนาดพื้นที่หน้าตัด 25 ตร.มม.

การออกแบบระบบตัวนำลงดินสำหรับบ้านพักอาศัย

  • สำหรับบ้านพักอาศัยที่ก่อสร้างใหม่ แนะนำติดตั้งตัวนำลงดินโดยใช้สายตัวนำ Hot-Dip Galvanized Steel Round Conductor ฝังในคอนกรีต โดยมีการประสานศักย์กับเหล็กโครงสร้างในคอนกรีต เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับจากมาตรฐาน วสท. และ IEC
  • การประสานศักย์กับเหล็กโครงสร้างในคอนกรีตลักษณะนี้ทำให้ระบบตัวนำลงดินมีค่าอิมพิแดนซ์รวมต่ำมาก ลดอันตรายจากแรงดันฟ้าผ่า ทำหน้าที่เป็น Shielding ที่ดีของอาคารเพื่อป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ภายในจากการรบกวนที่เกิดจากอิมพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าจากฟ้าผ่า (LEMP)
  • สำหรับบ้านพักอาศัยเดิม ที่จำเป็นต้องติดตั้งตัวนำลงดินภายนอก ให้ใช้สายตัวนำทองแดงกลมตันหุ้มฉนวนชนิดพิเศษ (KIC Cable) ที่ผ่านการทดสอบความเป็นฉนวนต่อแรงดันอิมพัลส์ฟ้าผ่ารูปคลื่น 1.2/50 µs ขนาด 100 kV ติดตั้งที่ระยะ 3 เมตร จากระดับพื้นเพื่อป้องกันอันตรายจากแรงดันสัมผัส

การออกแบบระบบรากสายดินสำหรับระบบป้องกันฟ้าผ่าและการต่อลงดินสำหรับระบบไฟฟ้าภายในบ้าน

  • บ้านพักอาศัยที่มีบริเวณพื้นที่โดยรอบ สามารถติดตั้งรากสายดินสำหรับระบบป้องกันฟ้าผ่าเป็นลักษณะ Ground Loop รอบอาคาร เพื่อควบคุมศักย์ไฟฟ้าบริเวณรอบข้างและป้องกันอันตรายจากแรงดันช่วงก้าว (Step Voltage) รวมถึงเป็นจุดประสานศักย์การต่อลงดินในระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อจำกัดแรงดันที่แตกต่างระหว่างระบบหลักดินตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทยและมาตรฐานการป้องกันฟ้าผ่า
  • บ้านพักอาศัยที่ไม่มีบริเวณพื้นที่โดยรอบ กรณีเป็นบ้านเก่า แนะนำให้ติดตั้งรากสายดินแนวดิ่ง โดยใช้แท่งหลักดินฝังลงไปในดินอย่างน้อย 1 จุดในทุกๆ ตำแหน่งที่ติดตั้งตัวนำลงดิน และในกรณีเป็นบ้านพักอาศัยที่ก่อสร้างใหม่ แนะนำให้ใช้ฐานรากเป็นรากสายดิน โดยใช้สายตัวนำติดตั้งในคานคอดินซึ่งเปรียบเสมือน Ground Loop รอบอาคาร และเชื่อมต่อกับเสาเข็มซึ่งเปรียบเสมือน Ground Rod
  • จัดเตรียม Main Ground Bar ที่มีการต่อลงดินไว้สำหรับเป็นจุดต่อสายดินของระบบไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยระบบต่อลงดินสำหรับระบบไฟฟ้าต้องมีการประสานศักย์เข้ากับระบบรากสายดินของระบบป้องกันฟ้าผ่าด้วย
  • วัสดุที่ใช้เป็นแท่งหลักดินของระบบไฟฟ้าและระบบป้องกันฟ้าผ่า แนะนำให้ใช้ Copper Bonded Ground Rod ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5/8 นิ้ว ยาว 2.4 เมตร ที่ได้รับการรับรองคุณสมบัติตาม มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) และเป็นไปตามมาตรฐานการป้องกันฟ้าผ่าและมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้า

การป้องกันความเสียหายจากเสิร์จต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านด้วยการติดตั้ง SPD

  • Surge Protective Device (SPD) มีหน้าที่จำกัดกระแสหรือแรงดันเสิร์จที่เข้ามาในระบบให้กระจายลงสู่ระบบต่อลงดินก่อนเข้าไปทำอันตรายต่ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
  • สำหรับบ้านพักอาศัยควรติดตั้ง SPD ที่ตู้ Consumer Unit เพื่อ ป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ภายในบ้าน
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ